ไซนัสในแมว

| 16 ครั้ง
image
แชร์เรื่องนี้

1. ไซนัสในแมวคืออะไร

ไซนัส (Sinus) คือ โพรงอากาศในกระดูกใบหน้าและหน้าผากที่เชื่อมต่อกับช่องจมูก การอักเสบของไซนัสในแมวมักเรียกว่า ไซนัสอักเสบ (Feline Sinusitis) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา เป็นต้น หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้อาการลุกลามและเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

2. สาเหตุของไซนัสอักเสบในแมว

การติดเชื้อไวรัส

  • ไวรัสเช่น Feline Herpesvirus (FHV-1) และ Feline Calicivirus (FCV) มักทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้น (Upper Respiratory Tract Disease) ซึ่งอาจลุกลามไปยังไซนัสได้

การติดเชื้อแบคทีเรีย

  • แบคทีเรียสามารถเจริญเติบโตในบริเวณไซนัส โดยเฉพาะแมวที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรือมีการอักเสบของโพรงจมูกเรื้อรัง

การติดเชื้อรา

  • เชื้อราบางชนิดอาจเติบโตในไซนัส ทำให้แมวมีอาการระคายเคืองอย่างรุนแรงและมีสารคัดหลั่งผิดปกติ

ปัจจัยก่อกวนอื่น ๆ

  • สิ่งแปลกปลอมในจมูก (Foreign bodies)
  • ฟันกรามบนที่ติดเชื้ออาจลุกลามไปยังไซนัส
  • ภูมิแพ้ (Allergy)

3. อาการของไซนัสอักเสบในแมว

อาการที่พบได้บ่อยของแมวที่เป็นไซนัสอักเสบ ได้แก่

  • คัดจมูก น้ำมูกไหล อาจมีลักษณะข้นหรือปนเลือด
  • จามบ่อย หรือสำลักน้ำมูก
  • ตาบวม แดง หรือน้ำตาไหล
  • หายใจลำบาก ต้องหายใจทางปาก
  • เบื่ออาหาร ซึมเศร้า ไม่ร่าเริง
  • มีของเหลวไหลออกมาจากช่องจมูกหรือตำแหน่งไซนัส (อาจมีกลิ่นเหม็น)
  • อาจมีการปวดบริเวณใบหน้าเมื่อสัมผัส

หากพบอาการดังกล่าวเรื้อรังหรือมีอาการหนักขึ้น ควรพาแมวไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว

4. การวินิจฉัย

เมื่อพาแมวที่สงสัยว่าเป็นไซนัสอักเสบไปพบสัตวแพทย์ ขั้นตอนการวินิจฉัยอาจประกอบด้วย

ซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น

สัตวแพทย์จะถามถึงอาการที่สังเกตได้ และตรวจประเมินการหายใจ ส่องโพรงจมูก ดูอาการปวดหรืออักเสบ

การตรวจเลือด

เพื่อประเมินค่าการติดเชื้อ การอักเสบ และสภาพร่างกายทั่วไปของแมว

การเอ็กซเรย์ (X-ray) หรือซีทีสแกน (CT-Scan)

เพื่อตรวจดูโพรงไซนัสว่ามีการอักเสบ หนาตัว หรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่

เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง (Swab)

นำไปเพาะเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา เพื่อระบุสาเหตุที่แน่ชัด

การตรวจเพิ่มเติม

ในบางกรณีอาจต้องตรวจช่องปากหรือตรวจสุขภาพฟันเพิ่มเติม เพื่อดูว่ามีปัญหาการติดเชื้อในรากฟันที่ลุกลามสู่ไซนัสหรือไม่

5. การรักษาไซนัสอักเสบในแมว

แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ ดังนี้

ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)

ใช้ในกรณีที่พบการติดเชื้อแบคทีเรีย และควรให้ยาตามกำหนดเวลาและปริมาณที่ถูกต้อง

ยาต้านไวรัส (Antiviral Drugs)

หากเป็นไซนัสอักเสบจากไวรัส แมวอาจได้รับยาต้านไวรัสร่วมกับยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน

ยาต้านเชื้อรา (Antifungal Drugs)

กรณีที่การติดเชื้อเกิดจากเชื้อรา เช่น Aspergillus ต้องใช้ยาต้านเชื้อราเฉพาะทาง

การล้างโพรงจมูก (Nasal Flush)

ในบางครั้งสัตวแพทย์อาจจำเป็นต้องล้างโพรงจมูกหรือไซนัส เพื่อกำจัดสารคัดหลั่งหรือสะสมของหนอง

การรักษาประคับประคอง (Supportive Care)

  • ให้แมวดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
  • ดูแลด้านโภชนาการ ให้อาหารอ่อนหรืออาหารเปียกที่มีกลิ่นหอม
  • จัดที่อยู่ให้แมวอบอุ่น และหลีกเลี่ยงอากาศเย็นหรือฝุ่นควัน

การผ่าตัด

ในกรณีที่พบเนื้องอก หรือก้อนอุดตันในไซนัส หรือเมื่อการรักษาทางยาไม่เพียงพอ จำเป็นต้องพิจารณาการผ่าตัดรักษา

6. การดูแลและป้องกัน

หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี

การตรวจร่างกายและฉีดวัคซีนตามกำหนดจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อต่าง ๆ

ดูแลเรื่องโภชนาการ

ให้อาหารที่มีคุณภาพเหมาะสมกับวัยและสภาพร่างกายของแมว เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานและป้องกันโรค

ดูแลสภาพแวดล้อม

  • ทำความสะอาดที่นอนและบริเวณที่แมวอยู่เป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น ควันบุหรี่ หรือสารเคมีฉุน

สังเกตอาการอย่างสม่ำเสมอ

หากพบความผิดปกติ เช่น จาม ถูจมูก หรือคัดจมูกนานเกิน 2-3 วัน ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์

หลีกเลี่ยงความเครียด

ความเครียดอาจกดภูมิต้านทานของแมว จึงควรจัดสภาพแวดล้อมให้แมวรู้สึกปลอดภัย สะอาด และผ่อนคลาย

ไซนัสอักเสบในแมวเป็นปัญหาสุขภาพที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบรุนแรงหากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา เมื่อสังเกตเห็นอาการผิดปกติ โดยเฉพาะปัญหาการหายใจ น้ำมูกไหล หรือจามบ่อย ควรรีบพาแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การดูแลแมวให้มีสุขภาพแข็งแรง สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และการตรวจสุขภาพตามกำหนด จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดไซนัสอักเสบได้เป็นอย่างดี

แมว
แชร์เรื่องนี้

© 2024 Blogs Kub. All rights reserved.