วันคริสต์มาส

| 11 ครั้ง
image
แชร์เรื่องนี้

ที่มาของวันคริสต์มาส

คริสต์มาส (Christmas) เป็นเทศกาลสำคัญที่เฉลิมฉลองโดยชาวคริสต์ในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์การประสูติของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อในศาสนาคริสต์ แม้ว่าแท้จริงแล้วจะไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เจาะจงว่าพระองค์ทรงประสูติในวันที่ 25 ธันวาคมโดยตรง แต่ด้วยบริบททางศาสนา วัฒนธรรม และการกำหนดของสถาบันศาสนาในยุคกลาง ทำให้วันนี้ถูกเลือกให้เป็นวันฉลองเทศกาลคริสต์มาสสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

1. แนวคิดเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซูคริสต์

  • พระเยซูคริสต์: ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ พระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า (God the Son) ผู้เสด็จมาไถ่บาปให้แก่มนุษย์ การที่ชาวคริสต์ฉลองวันประสูติของพระองค์ จึงสื่อถึงความรักและพระเมตตาที่พระเจ้าทรงมีต่อโลก
  • การเฉลิมฉลอง: เริ่มมีการเฉลิมฉลองตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของศาสนาคริสต์ แต่ยังไม่ชัดเจนถึงวันหรือรูปแบบพิธี จนกระทั่งศตวรรษที่ 4 จึงเริ่มมีการกำหนดวันอย่างเป็นทางการ

2. ความเชื่อโยงกับเทศกาลโรมันโบราณ

  • งานฉลอง “Saturnalia” ของโรมัน: ในช่วงประมาณปลายเดือนธันวาคม ชาวโรมันโบราณจะจัดเทศกาล Saturnalia เพื่อสักการะเทพเจ้าแห่งการเกษตร ชื่อ “Saturn” ซึ่งเป็นช่วงแห่งความรื่นเริง การเลี้ยงฉลอง และการแลกของขวัญ
  • “Dies Natalis Solis Invicti”: วันที่ 25 ธันวาคม ยังเป็นวันที่ชาวโรมันบางกลุ่มฉลอง “Dies Natalis Solis Invicti” หรือ “วันประสูติของดวงอาทิตย์ผู้ไม่มีวันพ่ายแพ้” ซึ่งเป็นเทศกาลยิ่งใหญ่เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของแสงสว่างเหนือความมืดในช่วงเหมายัน (Winter Solstice)
  • การปรับผสาน: เมื่อคริสตจักรยุคแรกต้องการให้ผู้คนหันมาเข้าร่วมศาสนาคริสต์มากขึ้น จึงมีการเลือกวันที่ 25 ธันวาคม ให้เป็นวันประสูติของพระเยซู เพื่อเชื่อมโยงกับวันเฉลิมฉลองเดิมของผู้คนในจักรวรรดิโรมันโบราณ ถือเป็นการปรับตัวอย่างสันติและผสานความเชื่อทางวัฒนธรรม

3. ความหมายของคำว่า “Christmas”

  • ที่มาของคำว่า “Christmas”: มาจากคำว่า “Christ” (หมายถึง พระคริสต์) และ “Mass” (หมายถึง พิธีมิสซา หรือพิธีนมัสการในศาสนาคริสต์) เมื่อรวมกันจึงหมายถึง “มิสซาของพระคริสต์” หรือ “พิธีเฉลิมฉลองพระคริสต์”
  • การเผยแพร่และการตั้งชื่อ: ตามประวัติศาสตร์ คำนี้เริ่มแพร่หลายพร้อมกับการขยายอิทธิพลของศาสนาคริสต์ในยุโรป และกลายเป็นคำเรียกเทศกาลอย่างกว้างขวาง

4. การเฉลิมฉลองในยุคกลางและยุคปัจจุบัน

  • ยุคกลาง (Medieval Period): คริสต์มาสได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์และบรรดาผู้นำศาสนาในยุโรป มีการจัดพิธีทางศาสนาอย่างยิ่งใหญ่ การร้องเพลงสวด (Carols) และการตกแต่งโบสถ์
  • การเผยแพร่สู่สากล: เมื่อชาติตะวันตกขยายอิทธิพลและทำการค้ากับต่างแดน ประเพณีคริสต์มาสและสัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น ต้นคริสต์มาส แซนตาคลอส การตกแต่งด้วยไฟสีสัน ฯลฯ ก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก
  • ความทันสมัยและเชิงพาณิชย์: ในปัจจุบัน คริสต์มาสไม่ได้จำกัดเฉพาะในหมู่คริสต์ศาสนิกชนเท่านั้น แต่กลายเป็นเทศกาลสากลที่หลายประเทศร่วมกันเฉลิมฉลอง แม้ในประเทศที่คริสต์ไม่ใช่ศาสนาหลัก ก็ยังให้ความสำคัญกับบรรยากาศแห่งความสุข การแลกของขวัญ และการทำกิจกรรมกุศล

5. ความหมายเชิงสากล

แม้ว่าวันคริสต์มาสจะมีต้นกำเนิดจากศาสนาคริสต์ แต่กาลเวลาทำให้ความสำคัญของคริสต์มาสแผ่ขยายในหลายแง่มุม

  • มิติทางศาสนา: เพื่อระลึกถึงพระเมตตาและพระคุณของพระเยซูคริสต์
  • มิติทางสังคมและครอบครัว: เวลาสำหรับการแลกเปลี่ยนของขวัญและใช้เวลาร่วมกับคนที่รัก
  • มิติแห่งความหวัง: สร้างความเชื่อมั่นและกำลังใจให้ผู้คนก้าวเข้าสู่ปีใหม่อย่างมีความสุข

วันคริสต์มาสจึงเป็นเทศกาลที่มีที่มาจากการผสานความเชื่อทางศาสนาคริสต์เข้ากับประเพณีเก่าแก่ของโรมันโบราณ ก่อให้เกิดงานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่และครึกครื้นในช่วงปลายเดือนธันวาคม จนกลายมาเป็นวันสำคัญที่ผู้คนทั่วโลกต่างเฝ้ารอ เพื่อแสดงความรัก ความหวัง และแบ่งปันน้ำใจต่อกันในทุก ๆ ปี

คริสต์มาส
แชร์เรื่องนี้

© 2024 Blogs Kub. All rights reserved.